ความรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตจากลูกสาวสุดที่รักของพ่อ... อ้อมกอดที่ไม่อาจหวนคืน

นี่เป็นกระทู้แรก แท็กผิดยังไงก็ขออภัยและแนะนำด้วยนะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง เล่าเรื่องไม่เก่งนะคะ แต่อยากระบาย... อยากให้เรื่องราวของหนูเป็นคติเตือนใจใครหลายๆ คน ให้นึกถึงคนที่บ้านให้มากๆ ค่ะ

หนูโตมาในครอบครัวที่มีแค่พ่อ เป็นเสาหลัก พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่หนูยังได้ขวบกว่าๆ ตอนนั้นไม่รู้ว่าแม่ไปไหน แต่อยู่ในความทรงจำลางๆ ว่าเคยเจอแม่ เคยไปเที่ยวหา แต่ไม่บ่อย หนูมีพี่ชาย 3 คน อายุไล่เลี่ยกัน มีแต่หนูที่เป็นน้องสุดที่อายุห่างจากพี่ชายคนเล็กถึง 9 ปี พ่อรับผิดชอบลูกๆ ทั้ง 4 คนด้วยตัวคนเดียว ยึดอาชีพซ่อมรถและรับจ้างทั่วไป

ส่งเสียพี่ชายคนโตเรียนจบ ปวส.(-) คนรองจบ ปวช.(ตอนนี้ทำงานโรงงาน) คนเล็กจบ ม.3(ตอนนี้เป็นหัวหน้างานในโรงงาน) รวมทั้งหนูด้วย... พ่อเรียนจบแค่ ป.4 แต่ที่หนูรับรู้มาตลอดคือ พ่อไม่ใช่คนโง่ พ่อฉลาด เก่ง อดทน ขยัน เท่าที่คนๆ หนึ่งจะทำเพื่อคนอีก 4 คนได้

ตอนหนูเรียน ชั้นประถม ตอนนั้นที่บ้านเราอยู่พร้อมหน้าค่ะ 5 คนพ่อลูก จำได้ว่าพี่ชายมี มอไซ ขับไปเรียนกันคนละคัน ยิ่งพี่ชายคนกลางที่ทำงานไปด้วยมี บิ๊กไบท์ขับเลย หนูเองก็มีจักรยานคู่ใจเหมือนกัน หนูมีตุ๊กตาเล่น มีเครื่องเล่นเกมส์ มีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ เงินใช้ไม่เหลือเก็บแต่ก็ไม่ขาดมือ... พ่อทำอาหารเก่ง ทำอาหารได้ทุกอย่าง งานบ้านพ่อรับผิดชอบแทบทุกอย่าง จนหนูอยู่ ป.4 หนูถึงจะซักผ้าเอง ล้างจานเอง และทำเองหมดในที่สุด... แต่คนทำกับข้าวคือพ่อเหมือนเดิม

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของพ่อคือ... กินเหล้าจัด สูบบุหรี่จัด ภาพที่เห็นจนชินตาคือพ่อนอนเมาแอ๋อยู่แคร่หน้าบ้านทุกเย็น มีอยู่วันหนึ่ง... ที่นึกถึงทีไรน้ำตาไหลทุกที... ลอยกระทงทุกปี หนูจะไปลอยกับพ่อ จำได้ว่าตอนนั้นประมาณ ป.5 หรือ ป.6 นี่แหละ ไม่แน่ใจ... เหมือนทุกปี หนูทำกระทงมาจาก รร. สองอัน ของพ่ออัน ของหนูอัน ตั้งใจจะไปลอยกับพ่อสองคนที่งานในตัวอำเภอ เอากระทงใส่กระตร้าอันนึง ห้อยที่แฮนด์รถอันนึง ปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างทุลักทุเล ถึงบ้านเอากระทงใส่ในกะละมังไว้เห็นพ่อนั่งดื่มกับเพื่อนก็เลยบอกพ่อว่าวันนี้อย่าดื่มหนักนะ พาน้องไปลอยกระทง รอเวลาประมาณทุ่มนึงเตรียมตัวไปลอยกระทง

ปรากฎว่าพ่อเมามาก... แต่คือหนูตั้งใจจะไป บังคับพ่อให้พาไป ขับมอไซออกมาจากประตูรั้วหน้าบ้านได้หน่อยนึงพ่อก็พาหนูล้มตรงนั้นเลย จนเพื่อนพ่อที่นั่งดื่มด้วยกันมาช่วยยกรถให้ ตอนนั้นหนูทั้งโกรธพ่อ ทั้งเจ็บตัว เพื่อนพ่อก็ช่วยพูดกับหนู พ่อพาไปไม่ได้ พ่อไปไม่ไหว หนูก็งอแง ร้องไห้ ปากระทงใส่พ่อที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นอันนึง ปาทิ้งอันนึงแล้ววิ่งเข้าบ้าน นอนร้องไห้จนหลับไป จนตอนเช้าเห็นพ่อนอนที่แคร่ กับกระทงสองอันข้างๆ... ตอนนั้นไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้คิดถึงภาพนั้นทีไรมันรู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

พอหนูขึ้นชั้น ม.ต้น หลายๆ อย่างเริ่มเปลี่ยน

อายุพ่อไหลมาใกล้ฝั่ง... พ่อยังกินเหล้าเหมือนเดิม หนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ทำงานไม่ค่อยไหว ตอนนั้นพี่ชายต่างก็มีครอบครัว และออกไปทำมาหากินต่างถิ่น พ่อขายเครื่องมือทำมาหากินเพื่อเอาเงินให้พี่ชายไปทำงาน ปั๊มลม ตู้เชื่อม และเครื่องมืออื่นๆ เหมือนตัดแขนตัดขาตัวเอง เหลือหนูอยู่กับพ่อแค่สองคน พ่อยังมีเงินพอจะให้หนูไป รร. วันละ 40-50 บาท แต่ต้องรับจ้างเป็นกรรมกร เหนื่อยกว่าเดิม หนักกว่าเดิม และ... หนูติดเกม เลิกเรียน เข้าร้านเกม เสาร์-อาทิตย์ เข้าร้านเกม แต่การเรียนหนูไม่ทิ้งนะ หนูเรียนไม่ค่อยเก่ง เน้นส่งงาน สอบคาบเส้นตลอด...

ครั้งนึงพ่อไปทำงานเชื่อมเหล็กบนหลังคา ตกหลังคากระดูกขาร้าวเข้าเฝือกอยู่สองเดือน พักอยู่บ้านแค่สองอาทิตย์ต้องไปทำงานต่อทั้งๆ ที่อยู่ในเฝือกนั่นแหละ หนูเห็น หนูรับรู้มาตลอด... แต่หนูติดเกม เลยไม่สนใจอะไรเลย... และตั้งแต่นั้นมา การเงินที่บ้านก็ขัดสน ต้องยืมๆ เพื่อนในวงเหล้านั่นแหละ ให้หนูไป รร. แต่พ่อจะทำอาหารเช้าให้ทุกวัน มีแต่ของที่หนูชอบทั้งนั้น

ใกล้จบ ม.3 เงินค่าเทอมหนูค้างจ่ายประมาณ 5,000 บาท(เรียนจบก่อนโครงการเรียนฟรีแค่ปีเดียว) พ่อต้องวิ่งวุ่นหายืมให้ ดิ้นรนจนหนูได้เรียน ปวช. ที่วิทยาลัยการอาชีพแห่งหนึ่ง มีชุดนักศึกษาใส่(ปีนี้เรียนฟรีแล้ว) แต่การเงินฝืนเคืองมากค่ะ... อดมื้อ กินมื้อ แต่พ่อก็พยายามที่สุดเพื่อให้หนูมีเงินไปเรียน

และช่วงนี้ที่หนูเริ่มเป็นสาว เพื่อนในวงของพ่อ(คนหนึ่ง ไม่สนิทเท่าไหร่)ชอบมองหนูบ่อยๆ จนเกิดเหตุการณ์แอบดูหนูอาบน้ำ(ห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน เป็นห้องน้ำแบบเดี่ยวๆ เหมือนกล่องสี่เหลี่ยมสูงท่วมหัวหน่อยเดียว หลังคาเพิงสังกะสี มีช่องลมรอบด้าน ไม่มีเพดานอ่ะ อธิบายไม่ถูก) หนูตกใจรีบไปฟ้องพ่อ พ่อไม่ได้เอาเรื่องคนนั้นค่ะ แค่ถามแล้วก็ไม่ให้มาบ้านพ่ออีก พ่อเลิกดื่มเหล้าไปช่วงนึง และสั่งให้หนูอาบน้ำแต่หัวค่ำ ช่วงนั้นพ่อจะนั่งเฝ้าค่ะ

อีกเหตุการณ์นึงที่เป็นจุดเปลี่ยน ตอนนั้นเริ่มคุยกับแม่แล้ว แม่เริ่มโทรหาถามข่าวคราว ส่งเงินมาบ้างบางครั้ง แต่จะไม่ส่งมาเยอะกลัวพ่อเอาไปกินเหล้า(พ่อกับแม่เกลียดกันค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่ขอพูดถึงแล้วกันค่ะ) พ่อไปทำงานต่างอำเภอ ไปแต่เช้า เย็นๆ ค่ำๆ ถึงจะกลับ เป็นอย่างนี้หลายวันค่ะ จนวันหนึ่งมีคุณลุงท่านนึง ครอบครัวหนูนำถือแกค่ะ เพราะเป็นอาจารย์ของพวกพี่ๆ แกมาหาหนูที่บ้านและเอาเงินให้ 100 นึง หนูรับไว้ค่ะ เพราะแกบอกว่าสงสาร เอ็นดูหนู หนูก็งงๆ นะ... 2-3 วันต่อมา แกมาอีกค่ะ เอามาให้ 200 พอยื่นมือไปรับแกก็ดึงมือหนูไปเกาะกุมไว้ ตอนนั้นล่ะ หนูเริ่มกลัวแล้วก็ปฏิเสธไม่รับเงินแกค่ะ ปิดบ้านขังตัวเองในบ้านเลย พ่อก็ยังไม่กลับ หนูเลยโทรไปปรึกษาแม่ แม่เลยบอกให้หนูย้ายไปอยู่ด้วย

ตอนนั้นหนูเรียนจบ ปวช.1 แล้ว ช่วงปิดเทอม จุดเปลี่ยนช่วงชีวิตที่ไม่อาจหยุดย้อนคืนได้

หนูตัดสินใจไปเที่ยวหาแม่ค่ะ เหมือนคนละโลก บ้านแม่อยู่ในเมืองที่บ้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีเงินให้ใช้เหลือเฟือ แฟนใหม่แม่เค้าก็เป็นคนดีนะคะ เป็นคนเงียบๆ เสียแต่.... แม่ไม่เข้าใจหนู เพราะแม่ไม่เคยเลี้ยงหนูมา วันนึงแม่ด่าอะไรหนูไม่รู้ หนูนอนไม่หลับ คิดถึงพ่อแล้วร้องไห้หนักมาก แม่ได้ยินกลับตีหนู? แต่เวลาแม่อารมณ์ดี แม่จะใจดีมากเลยนะ ใกล้เปิดเทอม หนูก็กลับไปหาพ่อ...

หนูไม่โทษใครค่ะ หนูโทษตัวหนูเอง... แม่เกลี่ยกล่อมให้หนูไปอยู่ด้วย จริงๆ หนูก็อยากไปอยู่กับแม่ค่ะ หนูอยากสบาย... กลับมาถึงบ้านหนูเริ่มเปลี่ยนไป วันนั้นนั่งดูทีวีอยู่ พ่อเมาค่ะแต่ทำกับข้าวไว้แล้วเดิมมานั่งกับหนู ขอบรรยายเป็นคำพูดค่ะ
พ่อ : หาข้าวมากินไปลูก พ่อทำข้าวต้มกุ้ง
หนู : น้องไม่หิว
พ่อ : พ่อหิวแล้ว
หนู : (เดินไปตักข้าวต้มใส่ถ้วยมาให้พ่อ แล้วนั่งดูทีวีต่อ)
พ่อ : ไม่อยากกินข้าวกับพ่อหรอ แกเปลี่ยนไปนะตั้งแต่ไปหาแม่มา
หนู : ก็น้องไม่หิวนี่(เริ่มเสียงดัง)
พ่อ : ดี!! อยากไปอยู่กับแม่มึ-แล้วใช่มั้ย!! ไปเลย ไปจากกุให้หมดทุกคน!!

ไม่รู้ยังไงต่อ หนูเข้าห้องไปนอนร้องไห้ค่ะ ในหัวคือไม่อยากอยู่กับพ่อแล้ว จะไปอยู่กับแม่ ตอนเช้าหนูเก็บเสื้อผ้าแล้วให้เพื่อนมารับไปอยู่บ้านเพื่อน จนถึงเย็นให้เพื่อนพาไปส่งที่ บขส. คิดจะนั่งรถไปหาแม่ที่กรุงเทพ ซื้อตั๋วแล้ว ขึ้นรถแล้ว พ่อตามมา... หนูเลยลงไปคุยกับพ่อ
พ่อ : จะไปจริงหรอ จะทิ้งพ่อให้อยู่คนเดียวหรอ คิดดีๆ อีกสองปีก็เรียนจบแล้ว อดทนเอาหน่อยไม่ได้หรอ
หนู(ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ตั๋วซื้อแล้ว จะไปแล้ว พ่อดูแลหนูไม่ดีพอ)
สุดท้ายพ่อก็ยอมให้ไป อวยพรให้หนูโชคดี เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนให้จบ... พ่อร้องไห้... หนูก็ร้องไห้... ร้องตลอดการเดินทาง...

หลังจากนั้นมา... ชีวิตหนูก็สนุกขึ้น ได้ในสิ่งที่ไม่เคยได้จากพ่อ มือถือใหม่ โน๊คบุ๊ค รถมอไซ เงินไป รร. ที่เยอะขึ้น มีเงินให้กิน เที่ยว เล่นเกม ตอนนั้นเริ่มติดเพื่อน มีแฟน หนูโทรหาแฟนทุกวัน ทุกเวลา แต่คุยกับพ่อ 2-3 เดือนครั้ง... และทุกครั้งพ่อจะเป็นฝ่ายโทรมา พอพ่อถามว่าทำไมไม่โทรหาพ่อบ้าง ไม่คิดถึงพ่อหรอ หนูจะตอบปัดๆ ว่าคิดถึง แต่โทรศัพท์ไม่ได้เติมเงิน พ่อก็จะบอก อ้าว ไม่มีเงินใช้หรอ พ่อโอนให้ไหม นี่พี่แกเพิ่งโอนเงินมาให้พ่อสองพัน เดี๋ยวพ่อโอนไปให้พันนึง เพราะอีกพันนึงพ่อเอาไปโรงพยาบาล... ฟังแค่นั้นหนูก็ตาโต อยากได้เงินมาเติมเกมอยู่พอดีเลย...(เลวจริงๆ) พอได้เงินแล้วหนูก็เงียบ... ไม่โทรหาพ่อเหมือนเดิม

หนูไม่ได้โอนเกรดมา แต่ลงเรียนปีหนึ่งใหม่ เพราะอยากย้ายแผนก ทำให้หนูจบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันปีนึง หนูขึ้นปี 3 เพื่อนรุ่นเดียวกันเค้าก็เรียนจบพอดี หนูคุยกับพ่อครั้งสุดท้ายประมาณช่วง ปี2 เทอม2 พ่อบอกว่าพ่อป่วย ได้ยามากินเยอะเลย พ่อป่วยเป็นโรคท้องมานน้ำ หนูก็ไม่รู้โรคอะไร แต่น่าจะเกี่ยวกับที่พ่อดื่มเหล้าเยอะ ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อไปเจาะน้ำออกบ่อยๆ แต่น้ำเสียงพ่อยังฟังดูสดใสค่ะ อ่อ... ตั้งแต่หนูมาอยู่กับแม่ หนูไม่เคยกลับไปเยี่ยมพ่อเลย แม่จะไม่ให้หนูถือเงินเกิน 500 เพราะกลัวหนูส่งไปให้พ่อ แม่ออกจะกีดกันหนูกับพ่อไปสักหน่อย

ขึ้น ปี3 ได้ไม่นาน เช้าวันที่กำลังจะไปเรียน ขับรถออกจากบ้านมารอเพื่อนที่บ้านเพื่อนเพื่อไปเรียนพร้อมกัน แม่ก็โทรมา... "กลับมาบ้านเร็วลูก พี่ชายแกจะมารับไปดูพ่อแกป่วยหนัก" ใจหนูหายวาบ... รีบกลับบ้าน พ่อป่วยหนัก พ่อป่วยหนัก พ่อต้องการคนมาดูแล พี่ชายเลยจะมารับไปเยี่ยม เดี๋ยวพ่อก็หาย... คิดแค่นั้นค่ะ

พี่ชายทั้งสองคนขับรถมาถึงบ้านแม่ ตอนเที่ยงๆ เหยียบรถจากกรุงเทพถึงจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ประมาณ3-4ทุ่ม ไม่มีการสนทนาใดๆ บรรยากาศมาคุมาก... มีแค่พี่ชายคนกลางที่ปรามพี่ชายคนเล็กซึ่งเป็นคนขับรถว่า "ขับช้าๆ หน่อย เดี๋ยวได้ตายก่อนไปดูใจพ่อ ตั้งแต่กุออกรถมาไม่เคยขับถึง140เลยนะ"

ทำไมต้องใช้คำว่าดูใจ? คำถามที่ไม่กล้าถาม จนได้เห็นกับตา... พ่อนอนอยู่บนเตียง มีสายออกซิเจนระโยงระยาง พ่อผอมมาก... หนังเหี่ยวติดกระดูก ใบหน้าซูบ มือพ่อเหี่ยวสุดๆ... ร่างกายกระตุกตามแรงกระตุ้นช่วยหายใจ ตาพ่อยังไม่หลับ...

หมอบอกว่า "พ่อโทรมาที่โรงพยาบาลเมื่อวานให้ไปรับ พ่อไม่ไหวแล้ว พอไปถึงตอนค่ำๆ บ้านไม่เปิดไฟ พ่อนอนหมดสติอยู่มีน้ำออกมาจากแผลที่โดนเจาะท้องพ่อไหลเปื้อนเต็มที่นอน ข้างๆ มีมีดปอกผลไม้วางอยู่ หมอไม่แน่ใจว่าพ่อทำการเจาะท้องเองเพราะไม่อยากมาโรงพยาบาลหรือไม่ แต่แผลมีอาการอักเสบติดเชื้อ ตอนนี้ที่เห็นพ่อกระตุกอยู่ ไม่ใช่ว่าพ่อยังอยู่นะ... ที่เป็นแบบนั้นเพราะเครื่องช่วยหายใจ ยื้อไว้รอญาติเท่านั้น"

พี่ชายคนกลางแอบไปร้องไห้คนเดียวตรงระเบียง... พี่ชายคนเล็กทั้งกอด ทั้งจูบ กราบเท้าพ่อ ร้องไห้ไม่อายสายตาใคร "หลับเถอะนะพ่อ พวกผมอยู่นี่แล้ว"... หนูเสียใจค่ะแต่น้ำตาไม่ยอมไหลออกมาสักหยด วันนั้นเป็นวันที่เข้าใจคำว่าน้ำตาตกในค่ะ คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก... เคว้งไปหมด จับมือพ่อไว้แน่นมือที่เหี่ยวมากๆ... ดำ หยาบกร้าน แต่เป็นสองมือที่เลี้ยงดูพวกเรามา...

เพื่อนบ้าน ญาติๆ เพื่อนในวงพ่อ ต่างมาเยี่ยมไม่ขาดสาย... จนงานศพพ่อที่จัดอย่างเรียบง่ายผ่านไป

หลังจากนั้นหนูใช้ชีวิตปกติ... แต่ไม่ปกติที่ว่าไม่มีพ่อแล้ว... จนเรียนจบ ปวช. หางานทำ.. ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง เหนื่อย เหงา เศร้า.. หนูร้องไห้ตลอด ร้องจนแทบจะรองน้ำตาไว้อาบน้ำได้เป็นเดือน จนมาถึงวันนี้... วันที่นั่งพิมพ์ข้อความนี้อยู่ ก็ยังร้องไห้...

ถ้าย้อนกลับไปได้...
จะไม่มาอยู่กับแม่... จะอดทนอยู่กับพ่อ หนูลืมไปได้ไงวันที่หนูอด พ่อก็อด หนูไม่ได้อดคนเดียว หนูไม่มีเงินไปเรียน นั่งเรียนในห้องแอร์ พ่อไม่มีเงิน แต่ต้องไปตากแดด ตากฝนทำงาน หนูลืมคิดไปได้ยังไง ถ้ารู้ว่าพ่อจะจากหนูไปเร็วขนาดนี้ หนูจะไม่ไปไหนเลย... มันเป็นความผิดของหนูทั้งหมด... ที่ทำให้เสียพ่อไปโดยที่ยังไม่ได้ดูแลท่านเลย... เงินเดือนก้อนแรก หนูอยากให้ท่าน แต่ไม่อยู่แล้ว.... เอาเวลาพ่อหนูคืนมา... ไม่มีใครคืนให้ได้ เงินสักกี่ล้านที่มี ก็ไม่สามารถซื้อเวลามาได้สักเศษเสี้ยววินาที

จะเม้นด่าหนูก็ได้นะคะ... หนูน้อมรับ เพราะมันคือความผิดพลาดของหนูจริงๆ ไม่มีทดแทน ซื้อคืนไม่ได้

ถึงท่านไม่ดีเท่าพ่อแม่ใคร แต่ท่านก็เป็นคนที่รักเราที่สุดจริงๆ... เพื่อนสนิทในวงพ่อคนนึงมาบอกหนูตอนงานศพพ่อว่า....

"เวลากินเหล้าพ่อแกจะพูดถึงแกแล้วยิ้มอารมณ์ดีอยู่ตลอด อยากให้แกสบายที่สุด พ่อแกก็ทำให้แกได้เท่านี้แหละ แต่เค้ารักแกมากนะ รักมากกว่าพวกพี่แกอีก"

........

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่